การนำและปัญหาสตรีเพศ

บทความประจำสัปดาห์ 15 พฤศจิกายน 2554
โดย ธิดา ถาวรเศรษฐ ....




ปกติ ผู้เขียนไม่คิดจะเขียนบทความเพื่อปกป้องใคร แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน มีประเด็นปัญหาหลักการเกิดขึ้น ในการใช้โจมตีคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ในประเด็นการนำและปัญหาความเป็นสตรี รวมทั้งน้ำตานายกรัฐมนตรี ทั้งหมดนำไปสู่เป้าหมายที่ว่า นายกไม่เด็ดขาด ไม่มีภาวะผู้นำที่เข้มแข็ง แสดงความอ่อนแอ ร้องไห้ถึง 3 ครั้ง ทำให้ผู้หญิงต้องอับอายเสียชื่อ ว่าอ่อนแอ ฯลฯ มีคำประณามมากมาย มีทั้งภาษาเยาะเย้ย เสียดแทงมากมาย จึงน่าจะมาทบทวนปัญหา การนำ ผู้นำ และปัญหาการร้องไห้กับสตรีเพศ ดูว่าผู้คนในสังคมนี้มีทัศนะเรื่องนี้อย่างไร
ปัญหาว่าด้วยการนำ มีปัญหา 2 ประการ คือเราต้องการการนำด้วยเอกบุรุษ หรือเอกสตรีที่เป็นวีรบุรุษ วีรสตรี หรือเราต้องการการนำหมู่เป็นองค์คณะ
การมีการนำด้วยผู้นำที่เด่นนั้น ง่ายในตอนเริ่มต้น แต่ไปนาน ๆ ก็จะเกิดปัญหาขึ้นในทุกที่ เพราะไม่มีหลักประกันอะไรว่า คน ๆ หนึ่ง จะมีความสามารถในทุกเรื่อง ทุกเวลา ทุกสถานที่ สำหรับคนทุกกลุ่ม
ถามว่าสังคมไทยเรียกร้องผู้นำ แบบ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เช่นนั้นหรือ หรือลัทธิเชื่อผู้นำชาติพ้นภัยแบบ จอมพล ป.พิบูลสงคราม กระนั้นหรือ
หรือ เอาลัทธิคนดีก็ได้ เรามีคนดีที่ถูกแต่งตั้งจากคณะรัฐประหารมาเป็นนายกรัฐมนตรี ถามว่าแล้วประชาชนถูกใจไหม ? แก้ปัญหาประเทศได้จริงไหม ? ดังนั้น การก้าวเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีของคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาในฐานะพรรคการเมืองที่มีฐานมวลชนแน่นหนาอย่างยิ่ง ภาวะการนำของคุณยิ่งลักษณ์ จึงหมายถึงการนำในฐานะรัฐบาล หมายถึงการนำในฐานะหัวหน้าคณะทำงานของรัฐบาล หมายถึงการนำฐานะหัวหน้าพรรคใหญ่ที่สุดที่ได้รับการเลือกตั้ง มาจากประชาชนร่วม 16 ล้านคน นั่นหมายถึงการนำในฐานะกลุ่มบุคคล ไม่ใช่เอกบุรุษ เอกสตรี นี่จึงเป็นการนำขององค์คณะ เป็นการนำรวมหมู่ ไม่ใช่นำโดยเอกสตรี ดังนี้ความรับผิดชอบในการนำพา จึงเป็นผลงานโดยรวมของคณะบุคคลที่เป็นองค์ประกอบการนำทุกระดับ
การเสนอ ตัวคุณยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะถล่มทลาย แต่มิใช่ปัจจัยเดียวแห่งชัยชนะ ความเข้มแข็งของพรรคเพื่อไทยและประวัติศาสตร์การต่อสู้รัฐประหารร่วมกับ ประชาชนเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งกว่า ในการที่ทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะ
เมื่อ เผชิญกับมหาอุทกภัย เหตุใดจึงพุ่งเป้าโจมตีไปที่คุณยิ่งลักษณ์คนเดียว ก็คงจะเฉกเช่นกับอดีตที่ผ่านมา ที่กลุ่มเครือข่ายระบอบอำมาตยาธิปไตยเล่นงานคุณทักษิณ ชินวัตร, คุณสมัคร สุนทรเวช และคุณสมชาย วงค์สวัสดิ์ โดยเริ่มจากโจมตีใส่ร้ายป้ายสี จากนั้นก็ใช้เครือข่ายกำลังนอกระบบออกเคลื่อนไหว ตามด้วยการใช้กระบวนการที่ไม่ใช่นิติธรรมมาจัดการกับผู้นำพรรคการเมืองที่ กลุ่มระบอบอำมาตยาธิปไตยไม่ยอมรับอีก
คำถามก็คือ สังคมไทยในระบอบล้าหลัง ยังชื่นชมกับผู้นำเดี่ยวที่ทรงอำนาจ เด็ดขาด ซึ่งในประเทศต่าง ๆ เขาไม่มีใครยอมรับผู้นำแบบนี้แล้วหรืออย่างไร ?
การ สร้างระบบการนำที่มาจากประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน จึงถูกนำมาใช้โดยผ่านการเลือกตั้งทั่วไปจากประชาชนทั้งประเทศ ด้วยความเสมอภาค 1 คน 1 เสียง และเรื่องเช่นนี้เองที่ระบอบล้าหลังรับไม่ได้ ดังที่แม้แต่ผู้ทำงานสื่อสาธารณะยังแสดงความรังเกียจระบอบประชาธิปไตยใน ทวิตเตอร์ ในบทความอย่างเปิดเผย แน่นอน คนจำนวนมากไม่ชอบทุนนิยมที่เป็นเศรษฐกิจครอบงำโลกในขณะนี้ แต่คนก็ยังยอมรับประชาธิปไตยในฐานะระบอบการเมืองการปกครองที่มุ่งเน้นความ เสมอภาคของคนในสังคม
มีแต่พวกเครือข่ายระบอบการเมืองล้าหลัง พวกลัทธิคนดีที่มองไพร่ทั้งหลายเป็นอสูร และคิดว่ากลุ่มตนเป็นเทวดา ที่ทนไม่ได้ที่จะให้ไพร่อสูรมีอำนาจเหนือเทวดา เผอิญไพร่มีมาก เทวดาบางตนก็คั่งแค้น โกรธ อาละวาด ด่าทอระบอบประชาธิปไตย ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เข้าใจได้ ดังนั้นเมื่อคุณยิ่งลักษณ์ มาจากการเลือกตั้ง ในฐานะผู้นำรัฐบาล ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่ก่อนที่จะเริ่มก่อหวอดประท้วงใด ๆ ต้องเข้าใจการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยให้ชัดแจ้งด้วยว่า รัฐบาลนี้มาจากประชาชน ถ้าจะมีปัญหาใด ๆ ก็ว่ากันตามกติกาประชาธิปไตย ไม่ต้องใช้ลัทธิคนดี คนเลว หรือกำลังนอกระบบ ในระบบ มาจัดการรัฐบาลของประชาชน ถ้าจะโทษกันก็ต้องโทษตนเองที่เป็นคนดี แล้วมาเกิดในประเทศที่มีไพร่เลว ๆ มากเกินกว่าจะกำจัดได้
สำหรับปัญหา สตรีเพศและน้ำตา ขนาดคุณหญิงกัลยา โสภณพานิช อ้างว่า “ทำให้ภาพพจน์ผู้หญิงเสียหาย คนจะไม่เชื่อถือเลยว่าผู้หญิงทำงานได้” เมื่อถูกถามว่าคนที่เป็นผู้นำประเทศแสดงออกถึงวุฒิภาวะแบบนี้ ทำให้ประชาชนรู้สึกอย่างไร คุณหญิงกัลยา หัวเราะพร้อมย้อนถามว่า “มีหรือคะ วุฒิภาวะ”
สส.หญิงประชาธิปัตย์อีก 2 คน ทั้ง ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู, มัลลิกา บุญมีตระกูล เรียงหน้ามาอัดนายกฯ ว่าอ่อนแอ มารยาหญิง ไร้ภาวะผู้นำ ยังมี สว.หญิงบางคนก็โจมตีเช่นกัน
คือผู้หญิง ออกมาโจมตีผู้หญิงด้วยกันในเรื่องน้ำตาว่าทำให้ไร้วุฒิภาวะ อ่อนแอจึงเป็นเรื่องน่าสมเพชอย่างยิ่งที่เธอเหล่านั้น มุ่งเอาชนะทางการเมืองจนไม่นำพาว่า เรื่องที่เอามาโจมตีนั้น ทำให้ตนเองกลายเป็นคนประเภทไหนกัน หรือผู้หญิงประเภทไหน ? หรือผู้ชายพรรคประชาธิปัตย์ ผลักให้ผู้หญิงในพรรคออกมา ดาหน้าโจมตีผู้นำที่เป็นสตรีเพศเดียวกัน
แต่จะอย่างไรก็ตาม มันไม่ทำให้คนพูดดูดี หรือทำให้คุณยิ่งลักษณ์เสียหายไป เพราะโพลล์ประชาชนก็ยืนยันแล้วว่า ในสถานการณ์มหาอุทกภัย ไม่มีใครดีกว่าคุณยิ่งลักษณ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ถึง 75% และผู้หญิงทั้งหลาย ผู้ชายทั้งหลาย ก็รู้กันดีว่า น้ำตาเกิดจากความสะเทือนใจในความทุกข์ยากของผู้คน หรือความปลาบปลื้มใจที่มีคนให้กำลังใจ ก็เป็นเรื่องธรรมดาของปุถุชนที่มีหัวใจเป็นคน ยกเว้น ผู้หญิงประชาธิปัตย์หรืออย่างไร ถ้าเธอเหล่านั้นไม่เคยร้องไห้ ไม่เคยมีน้ำตา ผู้เขียนไม่ชื่นชมหรอก
และผู้เขียนก็ขอตั้งคำถามว่า ผู้หญิงประเภทไหนกันที่มีหัวใจกระด้าง เย็นชาเป็นก้อนหิน และน่ากลัวอย่างยิ่ง จนผู้คนคงจะไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ และการมีน้ำตาคลอเบ้าหรือไหลออกมา ก็ไม่เกี่ยวกับการแสดงวุฒิภาวะของการเป็นผู้นำ เพราะอดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีบางคนสั่งฆ่าคนแล้วมาร้องไห้บนเวทีก็มี