ถวิลโยนผังล้มเจ้า จ่อเทือก

ข่าวสด 19 มกราคม 2555 >>>




ดีเอสไอเตรียม เรียกสอบด้วย "แม่เกด" เอาคืน แจ้งจับ "สาธิต"

"ถวิล" ให้การดีเอสไอ คดี "ผังล้มเจ้า" อ้างฝีมือฝ่ายความมั่นคงหลายหน่วย แต่จำไม่ได้ใครเสนอ โต้ลั่นไม่เคยสารภาพผังไม่มีมูล เป็นตราบาป "ศอฉ." ขณะที่ดีเอสไออาจเรียกสอบ "เทพเทือก" ด้วย "น้องเดียร์" ก็รุดให้ปากคำคดียิง "เสธ.แดง" มั่นใจฝีมือตำรวจ "ธิดา" ย้ำเงินเยียวยาไม่แพง คำนวณจากหลักความจริง ค่าครองชีพ "โรเบิร์ต" ชี้แจงคดี 91 ศพในศาลอาญาระหว่างประเทศ ยันรุดหน้า ตั้งอัยการแล้ว มีหลักฐานกว่า 300 หน้า "แม่เกด" บุกสภา จี้ "สาธิต-ปชป." ด่าเป็นกบฏ มอบตะกร้อสุนัข แปรงขัดส้วมให้ ก่อนแจ้งจับซ้ำ ด้าน "มาร์ค" จี้ชี้แจงวิธีแยกผู้ต้องหาขังแดงไปคุกการเมือง "เทพไท" โวยทำไมไม่ตีตรวน แถมต้อนรับเยี่ยงวีรบุรุษ เล็งฟ้องศาลปกครองอีก ขวางเยียวยา

"ถวิล"ให้การ"แผนผังล้มเจ้า"

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 ม.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ และอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าพบ พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ มาตรา 112 หรือคดีล้มเจ้า ตามที่พนักงานสอบสวนมีหนังสือเชิญเข้าให้ปากคำในฐานะพยาน และเลขานุการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) โดยสอบปากคำนานกว่า 3 ชั่วโมง
นายถวิลให้สัมภาษณ์ภายหลังให้ปากคำว่า ประเด็นที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอต้องการทราบข้อมูล คือเรื่องที่มาและการจัดทำแผนผังที่เรียกกันว่า แผนผังล้มเจ้า เรื่องนี้ศอฉ.เสนอให้คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) รับเป็นคดีพิเศษตั้งแต่ปี 2553 ดีเอสไออยากทราบที่มาที่ไป จึงเรียนให้ดีเอสไอทราบข้อมูลพอสังเขปว่า การทำงานของศอฉ.ในขณะนั้น ทำงานด้วยกันหลายหน่วย เป็นการทำงานเชิงบูรณาการ

อ้อมแอ้มมีทั้งผิด-และไม่ผิด

อดีตเลขานุการ ศอฉ. กล่าวต่อว่า ความหมายของผังดังกล่าวไม่ได้เรียกว่าผังล้มเจ้า เป็นชื่อที่มาเรียกกันภายหลัง เป็นผังที่เชื่อมโยงบุคคลและกลุ่มบุคคลจำนวนหลายคน เข้ากับบุคคลและกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่ง ทาง ศอฉ. เชื่อว่ามีการ กระทำที่ผิดกฎหมาย มีหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่ามีการกระทำผิดเกี่ยวกับสถาบัน จึงเชื่อมโยงให้เห็นว่า บุคคลเหล่านั้นเชื่อมโยงกันอย่างไรบ้าง แต่ก็บอกว่าทาง ศอฉ. ไม่ได้หมายความว่า บุคคลในผังทั้งหมดเป็นผู้กระทำความผิด และเช่นเดียวกันไม่ได้หมายความบุคคลในผังไม่ได้กระทำความผิด ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบ สวนคดีพิเศษ ที่จะต้องขยายผลสอบสวนค้นหาความจริงให้ได้มากที่สุด ทางพนักงานสอบสวนจึงต้องเชิญมาให้ข้อมูล และอาจต้องเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อพิสูจน์ความจริง
นายถวิลกล่าวว่า คดีนี้เป็นเรื่องสำคัญของคนไทย เพราะฉะนั้นอยากให้พนักงานสอบสวนใช้ความละเอียดรอบคอบ ซึ่งรองอธิบดีก็รับปากว่าจะดำเนินการด้วยความละเอียดรอบคอบ ทำทุกเรื่องตรงไปตรงมา การเร่งรัดทำคดี เกรงว่าจะไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา ควรหาข้อมูลหลักฐานให้ชัดเจน ส่วนกระบวนการสอบสวนของดีเอสไอ มีข้อบังคับกำหนดชัดเจนที่ทำงานร่วมกับพนักงานอัยการ มีความรอบคอบรัดกุม เชื่อว่าพนักงานสอบสวนจะทำหน้าที่ได้ที่สุด

โต้เคยสารภาพแผนผังมั่ว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. ระบุว่านายถวิลเป็นคนไปสารภาพบาปสารภาพผิดว่าผังล้มเจ้าเป็นตราบาปของ ศอฉ. นายถวิลกล่าวว่า ไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น ไม่เคยพูดว่าผังล้มเจ้าเป็นตราบาปของศอฉ.
   "ผมอยากเรียนที่มาของเรื่องนี้ว่า ผู้สื่อข่าวมติชนมาขอสัมภาษณ์ มาถามผมภายหลังที่ยกเลิก ศอฉ. ว่าอยากมีเรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยไปเขียนเล่า ก็เลยเล่าให้ฟังหลายเรื่อง ทั้งชีวิตความเป็น อยู่ใน ศอฉ. ว่ามีการทำงานอย่างไร เป็นเรื่องเบาและเรื่องหนัก และมีคนถามผมเรื่องผังล้มเจ้า ผมก็บอกว่าเป็นข้อมูลมาจากฝ่ายข่าวที่วิเคราะห์และเชื่อมโยง มีพยานหลักฐานหลายอย่างที่ชี้ให้เห็นว่า บุคคลที่อยู่ในผังล้มเจ้าหลายคนล่วงละเมิดสถาบัน บางคนก็ถูกศาลสั่งลงโทษมาแล้ว บางคนอยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับก็มี โดยไม่ได้ไปพูดว่าผังล้มเจ้าเป็นตราบาป ศอฉ. แต่ผู้เขียนบทความนี้ไปสรุปเอง หลังจากนี้ไม่เห็นความคืบหน้าของคดี ก็ไปเขียนสรุปว่าผังล้มเจ้าเป็นตราบาปศอฉ. ผู้ที่ใช้ข้อมูลนี้ ไม่ว่าจะเป็น คุณจตุพร หรือรองโฆษกรัฐบาลที่ระบุว่าผมสารภาพสิ้นไส้ เป็นการใช้ข้อมูลไม่ถูกต้อง ผมยืนยันว่าผมไม่ได้พูด ช่วยกรุณาแก้ข่าวให้ผมด้วย" นายถวิล กล่าว

อ้างจำไม่ได้จริงๆใครทำ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ให้หลักฐานต่อดีเอสไอเกี่ยวกับการเชื่อมโยงของบุคคลในผังล้มเจ้าหรือไม่ นายถวิลกล่าวว่า ดีเอสไอต้องการพยานหลักฐานมาก เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจดีเอสไอ เป็นหน้าที่ของดีเอสไอที่เรียกหรือเชิญหน่วยงานด้านความมั่นคงให้ข้อมูล คงรายละเอียดไม่ได้ เพราะหากไม่มีพยานหลักฐาน ก็ไม่สามารถดำเนินคดีได้ ทุกหน่วยงานทำงานตรงไปตรงมา ทั้งดีเอสไอและหน่วยความมั่นคง ผิดก็บอกว่าผิด ไม่ใช่เรื่องที่จะกลั่นแกล้งกัน
   "ผมจำไม่ได้จริงๆ ว่า บุคคลใดเป็นคนเสนอแผนผังดังกล่าวขึ้นมา เพราะทำงานกับคนจำนวนมาก อีกทั้งระยะเวลาผ่านมานานพอสมควรแล้ว บอกได้เพียงว่าเป็นฝ่ายข่าวฝ่ายความมั่นคงช่วยจัดทำขึ้นมา แต่ทั้งนี้เชื่อว่าแผนผังล้มเจ้าดังกล่าวน่าจะมีมูลเพราะหน่วยงานมีพยานหลักฐาน ก่อนหน้านี้บุคคลที่มีรายชื่อปรากฏในผัง เป็นคนที่ถูกดำเนินคดีหมิ่นเบื้องสูง เพราะช่วงนั้นมีคดีหมิ่นเบื้องสูงเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก มากจนผิดสังเกต เชื่อมโยงเป็นขบวนการ นี่เป็นข้อมูลพื้นฐานที่หน่วยวิเคราะห์ เพราะก่อนหน้านั้นมีไม่มาก และที่ผ่านมาคดีเกี่ยวข้องกับสถาบันมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น" อดีตเลขาฯ ศอฉ. กล่าว

อาจสอบ "เทพเทือก" ด้วย

ต่อข้อถามถึงข้อเสนอให้แก้ไขมาตรา 112 นายถวิลกล่าวว่า การมีกฎหมายมาตรา 112 มีเหตุผลอยู่ ผ่านมาคดีหมิ่นมีจำนวนมากขึ้น หลังเกิดสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง การกระทำอุกอาจมาก เห็นว่าปัญหาไม่ใช่ข้อกฎหมาย แต่เป็นปัญหาเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย หากที่ผ่านมาระบุว่ามีการกลั่นแกล้ง ก็ต้องแก้ที่การบังคับใช้กฎหมาย ไม่ใช่แก้ที่กฎหมาย
ด้าน พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าวว่า เชิญนายถวิลมาเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียด ที่มาที่ไปของการเขียนแผนผังล้มเจ้า ว่าใครเป็นคนทำ โดยนายถวิลให้ข้อมูลว่าผังฉบับนี้ทำโดยหน่วยงานความมั่นคงหลายหน่วยงานในขณะนั้น ไม่สามารถระบุคนทำได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จำเป็นต้องเชิญนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีต ผอ.ศอฉ. มาสอบถามหรือไม่ รองอธิบดีดีเอสไอกล่าวว่า หากไม่สามารถหาตัวคนทำแผนผังขึ้นมาจริงๆ คงจำเป็นต้องเชิญนายสุเทพ มาสอบปากคำด้วยเช่นกัน

"ลูกเสธ.แดง" ให้ปากคำ

ขณะเดียวกัน ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และเป็นบุตรสาวของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก พร้อมด้วย น.ส.กฤติยาภรณ์ สวัสดิผล พี่สาว และทนายความ เข้าพบ พ.ต.อ.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.ฤทธิกร สายสนั่น ณ อยุธยา ผกก.สน.สามเสน และพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำคดียิงเสธ.แดง




น.ส.ขัตติยา กล่าวก่อนเข้าให้การว่า ข้อมูลที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่าตำรวจเป็นคนยิงคุณพ่อนั้น เป็นข้อมูลที่ค่อนข้างตรงกับที่มีอยู่แล้วว่าเป็นตำรวจทำ ส่วนยศและระดับยังไม่ขอบอก ขอคุยกับพนักงานสอบ สวนก่อน ที่จะมาพูดคุยเป็นข้อมูลที่ได้จากพยานแวดล้อมหลังจากคุณพ่อโดนยิง เมื่อสถาน การณ์เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น เริ่มมีคนกล้าเข้ามาพูดคุยเปิดเผยมากขึ้น รวมถึงเอกสารต่างๆ ที่รวบรวมได้ในช่วง 1 ปี 8 เดือนที่ผ่านมา เป็นซีดี ภาพวิดีโอ และคำให้การของพยาน

ยินดีมาพบตำรวจทุกเมื่อ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าตำรวจต้องสงสัยเป็นผู้ลงมือจริง ลูกสาว เสธ.แดง กล่าวว่า ขอให้กระบวนการสอบสวนของตำรวจ และกระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ให้คำตอบดีกว่า ต้องเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย หากเขาเป็นคนผิดจริงๆ กระบวนการยุติธรรมก็ไม่ปล่อยไว้แน่ และจะเอาคนผิดมาลงโทษ
ต่อมาเวลา 13.00 น. ภายหลังสอบปากคำ เสร็จสิ้น น.ส.ขัตติยา กล่าวอีกครั้งว่า มอบเอกสารต่างๆ ที่รวบรวมไว้ภายหลังคุณพ่อเสียชีวิตในช่วงเวลา 1 ปี 8 เดือน รวมถึงพยานบุคคลอื่นๆ ก็ได้พูดคุยกับพนักงานสอบสวน โดยช่วงที่เกิดเหตุไม่ได้อยู่กับคุณพ่อ ก็ต้องให้ตำรวจสอบปากคำผู้เห็นเหตุการณ์ และยืนยันคำให้การเดิมที่ให้ไว้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก่อนหน้านี้ ส่วนจะเรียกมาสอบปากคำเพิ่มหรือไม่ ก็แล้วแต่พนักงานสอบสวน

มั่นใจเป็นฝีมือตำรวจยิง

ต่อข้อถามว่ามั่นใจว่าการเสียชีวิตของคุณพ่อเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ ลูกสาวเสธ.แดง กล่าวว่า "ค่ะ" เมื่อถามต่อว่าได้คุยเรื่องคดีกับ ร.ต.อ.เฉลิม หรือยัง น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า คุยคร่าวๆ และพบว่าข้อมูลบางส่วนค่อนข้างตรงกัน เมื่อถามอีกว่าได้เจอกับนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ที่ปรึกษากฎหมายของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แล้วหรือไม่ น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า ทราบว่าวันที่ 19 ม.ค. จะเดินทางมาที่รัฐสภา แต่ไม่แน่ใจว่ามาหรือไม่ หรือมาในช่วงเวลาใด ส่วนคดีของคุณพ่อ หากตำรวจนัดมาพบเพิ่มก็ยินดีมาอีก
ส่วน พ.ต.อ.วิชาญญ์วัชร์ กล่าวว่า เป็นการสอบปากคำเพิ่มเติมตามความประสงค์ของญาติผู้ตาย ต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งเพราะจะเริ่มตามพยานที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ ขณะนี้มี 4-5 ปากที่เห็นเหตุการณ์ขณะ เสธ.แดง ถูกยิง สำหรับวิถีกระสุนนั้น ทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจสอบไปแล้ว แต่พนักงานสอบสวนจะไปร่วมกับผู้เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนนี้ต่อให้ชัดเจน

"ธิดา"ขอบคุณ-เงินประกันแดง

ที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว นางธิดา โตจิราการ รักษาการประธาน นปช. และนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ที่ปรึกษากฎหมาย นปช. ร่วมแถลงประจำสัปดาห์ โดยนางธิดากล่าวว่า เป็นข่าวดีของพี่น้องเสื้อแดง ที่อย่างน้อยๆ ก็ได้รับความเห็นใจ ขอปรบมือให้กับการกระทำของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ยอมรับฟังความเดือดร้อนของเรา ขอบคุณที่ตัดสินใจอนุมัติเงิน 43.8 ล้านบาท ในการประกันตัวคนเสื้อแดง และผู้ต้องคดีตามมาตรา 112 ทุกคน กรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม รับหน้าที่ร่างสัญญา เพื่อเป็นหลักค้ำประกันว่ารัฐบาลจะทำตามสัญญาที่ให้กับพี่น้องเสื้อแดงอย่างแน่นอน
นางธิดากล่าวว่า ส่วนเรื่องเงินเยียวยานั้น นปช. ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามเดินหน้าร้องขอความถูกต้อง และความยุติธรรม เพื่อผู้เสียสละที่ยอมแลกชีวิตกับการได้มาของประชาธิปไตย นปช. จึงยื่นขอเงินช่วยเหลือที่ 7,500,000 บาทต่อคน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ออกมากล่าวโจมตีหาว่าสูงเกินจริง

ย้ำเงินเยียวยาเหมาะสม

   "ถามสักคำว่าเราตีราคาค่าชีวิตของพี่น้องเสื้อแดงเป็นเงินได้เหรอ 7,500,000 บาท นี่มันแพงอย่างไร คนๆ หนึ่งที่ออกมาต่อสู้เพื่อความถูกต้อง และถูกยัดเยียดความตายอย่างไร้เหตุผล ทิ้งให้ครอบครัวที่รออยู่ข้างหลังต้องเดือดร้อน ไร้ที่พึ่ง และไม่มีอันจะกิน ดิฉันขอถามคุณอภิสิทธิ์เลยว่า แล้วชีวิตของคนในพรรคประชาธิปัตย์มีค่าเท่าไหร่กัน" นางธิดากล่าว
รักษาการประธานนปช. กล่าวต่อว่า นปช. ใช้หลักความเป็นจริง และอัตราค่าครองชีพ (จีดีพี) ของประชาชนคนไทย ในการคำนวณเพื่อให้ได้จำนวนเงินที่เหมาะสม และถูกต้องที่สุด ดังนั้น การกระทำที่ไม่ช่วยให้เกิดประโยชน์อันใดของพรรคประชาธิปัตย์ จึงมีแต่จะยิ่งตอกย้ำความไม่ชอบธรรมของตัวเอง คิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราจะร่วมกันกำหนดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เราต้องการกฎหมายที่ทำขึ้นเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ให้พวกอรหันต์มาขีดๆ เขียนๆ อำนวยความสะดวกแก่ชนชั้นกลาง และพวกอำมาตย์เท่านั้น

"โรเบิร์ต" แจงคดีในศาลโลก

ส่วนนายโรเบิร์ตกล่าวว่า สัปดาห์หน้าจะครบ 1 ปี ของการยื่นคดีฟ้องร้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) หลายคนสงสัยว่าได้ทำหน้าที่ของทนายจริงๆ หรือไม่ เป็นคำกล่าวหาที่ไร้สาระ และอยากจะบอกว่าเราทำมากกว่าที่พวกคุณคิด เอกสารและหลักฐานที่รวบรวมได้ ส่งไปยังไอซีซีอย่างต่อเนื่อง แต่กระบวนการยุติธรรมไม่ได้เกิดขึ้นในวันสองวัน ต้องยอมรับว่าคดีของเราเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับประเทศในแอฟริกา ที่มีคนตายเป็นหมื่น เป็นล้านชีวิต
   "แม้คำตัดสินจะยังไม่ปรากฏ แต่ผมอยากจะขอแสดงความยินดีกับคนเสื้อแดงทุกๆ คน เราเคยถูกมองเป็นผู้ก่อการร้ายทำลายชาติในปี 2553 แต่วันนี้คนเสื้อแดงและพรรคการเมืองที่เราสนับสนุน กำลังพิสูจน์ให้คนไทยทั่วประเทศได้เห็นแล้วว่าเราทำเพื่อบ้านเมืองจริงๆ ต่างจากคนบางกลุ่มที่ไม่เคยละอาย และยังคงมีตำแหน่งทางการเมือง" ที่ปรึกษากฎหมายนปช. กล่าว

มีหลักฐานชัดกว่า 300 หน้า

ที่ปรึกษากฎหมาย นปช. กล่าวต่อว่า นายอภิสิทธิ์ควรจะลาออกได้แล้ว ไม่ว่าจะอ้างตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ หรือมีความผิดจริง ถึงเวลาที่นาย อภิสิทธิ์ต้องออกมาพูดกับพี่น้องคนไทย ว่าเหตุการณ์นองเลือดในปี 2553 เกิดขึ้นได้อย่างไร คิดว่าไม่มีที่ไหนในโลกจะยอมรับ และเลือกให้ นายอภิสิทธิ์เป็นผู้มีอำนาจในการบริหารประเทศ แต่กลับเกิดขึ้นที่ประเทศไทย ไม่เข้าใจว่าใครเป็นคนเลือก ใครกันที่ยอมรับ และใครที่มอบตำแหน่งหัวหน้าพรรคให้นายอภิสิทธิ์
ผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงความคืบหน้าคดี 91 ศพ นายโรเบิร์ตกล่าวว่า กระบวนการที่ยื่นเสนอต่อไอซีซี เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และการให้ข้อมูลสำคัญจะมีผลกระทบต่อรูปคดี บอกได้เพียงว่าเราทำอย่างเต็มที่แม้จะไม่มีใครรู้ เอกสารที่ยื่นไปยังไอซีซีมีทั้งเนื้อหา และหลักฐานชัดเจน ระบุอย่างละเอียดกว่า 300 หน้า ขณะที่คดีทั่วไปยื่นคำร้องแค่ 3-4 หน้าเท่านั้น แต่ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าผลการสอบสวนจะมีขึ้นเมื่อไหร่ และการตัดสินจะได้ผลตามคาดหรือไม่




ตั้งอัยการเดินหน้าคดีแล้ว

   "วันนี้อัยการสูงสุดของไอซีซีได้แต่งตั้งอัยการเจ้าของคดีให้แก่เราแล้ว หน้าที่ของผมก็ยังเหมือนเดิม คือส่งหลักฐานที่รวบรวมได้ให้มากที่สุด ส่วนการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทาง หากรัฐบาลมอบเงินเยียวยาให้แก่ครอบครัวเสื้อแดง และคนผิดถูกดำเนินคดี ไอซีซีก็จะหมดหน้าที่ลง ซึ่งแน่นอนว่ากรณีนี้เป็นไปได้ยาก และถึงจะนิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำผิดในภายหลัง เราก็จะเดินหน้ายื่นฟ้องต่อไอซีซีต่อไป ตราบเท่าที่ภาครัฐไม่อาจจัดการกับปัญหานี้ได้ ประกอบกับกฎหมายนิรโทษกรรมถือเป็นโมฆะ ในการพิจารณาคดีของไอซีซี ความหวังที่จะได้เห็นคนผิดถูกลงโทษจึงยังมีอยู่ หากคนเสื้อแดงรวมพลัง และเรียกร้องความเป็นธรรมอย่างต่อเนื่อง" นายโรเบิร์ต กล่าว
ที่ปรึกษากฎหมายนปช.กล่าวอีกว่า ในวันที่ 19 ม.ค. มีกำหนดเข้าพบ ร.ต.อ.เฉลิม เพื่อหารือเรื่องคดี 91 ศพ และในวันที่ 20 ม.ค. จะแถลงข่าวร่วมกับสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อประชาธิป ไตยและสังคม เรื่องการสนับสนุนการเยียวยา รวมทั้งแนวทางการแก้ไขมาตรา 112 ที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค ก่อนจะเดินทางไปยังกรุงเฮก ประ เทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อพูดคุยกับอัยการของไอซีซีในสัปดาห์หน้า

แห่เยี่ยมผู้ต้องขังคุกการเมือง

ที่สถานกักขังชั่วคราวหลักสี่ ภายในโรงเรียนพลตำรวจนครบาล บางเขน ตั้งแต่ช่วงเช้ามีบรรดาญาติของผู้ต้องขังคดีการเมือง หลายคนมาขอเข้าเยี่ยม พร้อมทั้งหอบหิ้วสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นมาฝาก และอาหารการกินต่างๆ มาให้ด้วย โดยทางเรือนจำเปิดให้เข้าเยี่ยมตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น. ทั้งนี้ ในคืนแรกของการอยู่รวมกันของนักโทษการเมืองทั้ง 47 คน เป็นไปอย่างเรียบร้อย ทุกคนต่างปฏิบัติตัวอยู่ในกฎระเบียบของทางเรือนจำอย่างเคร่งคัด แต่มีหลายคนนอนไม่หลับ เพราะยังไม่คุ้นกับสถานที่ใหม่
นายวิเชาว์ สมัครธรรม หัวหน้าสถานกักขังชั่วคราวหลักสี่ กล่าวว่า เป็นไปอย่างเรียบร้อย โดยช่วงเช้าเวลา 06.00 น. ทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นำอาหารมื้อเช้ามาส่งให้นักโทษกลุ่มนี้ ประกอบด้วย ข้าวสวย และต้มจืดลูกชิ้นใส่ผักกาดขาว มีอาหารให้ครบ 3 มื้อ ส่วนกิจกรรมที่ทางเรือนจำจัดให้นั้น สวดมนต์ในช่วงเช้าทุกวัน และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีทุกวัน เพื่อให้จิตใจสงบ แต่ยังมีปัญหาในส่วนของสถานที่ เพราะระบบการระบายน้ำยังรั่วอยู่

วอนศาลให้ประกันตัว

ด้านนางวาสนา มาบุตร แม่ของ น.ส.ปัทมา มูลมิล อายุ 25 ปี ที่ถูกจับกุมในข้อหาร่วมกันเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี และเป็นผู้หญิงคนเดียวใน 47 นักโทษการเมือง กล่าวภายหลังเดินทางมาเยี่ยมลูกสาวว่า ลูกถูกจับกุมเมื่อวันที่ 26 พ.ค.2553 เพราะมีภาพปรากฏอยู่ในภาพถ่ายขณะเกิดเหตุเผาศาลากลางจังหวัด ศาลพิพากษาจำคุก 33 ปี 4 เดือน ขณะนี้อยู่ระหว่างอุทธรณ์คดี ทนายยื่นประกันตัวหลายครั้ง แต่ศาลยังไม่อนุญาต
ขณะที่นางพัชรี ลาเสือ ภรรยาของนายสมศักดิ์ ประสานทรัพย์ ผู้ต้องหาคดีเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า สามีถูกจับเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2553 ตามภาพถ่ายของตำรวจ สาเหตุที่ถูกจับกุม เนื่องจากสามีวิ่งเข้าไปภายในศาลากลาง เพื่อจะช่วยคนเสื้อแดงจับกุมชายชุดดำที่ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ชุมนุม มีผู้เจ็บ 5 คน เมื่อสามีวิ่งไปถึงตัวอาคาร ก็เกิดกลุ่มควันขึ้นพอดีบริเวณชั้น 2 ส่วนกลุ่มชายชุดดำพากันหลบหนีไป และสามีก็มาถูกจับกุมในภายหลัง ยืนยันว่าสามีไม่ได้ร่วมเผาแน่นอน นับตั้งแต่ถูกจับก็ไม่มีการสอบปากคำเลย มีแค่ภาพถ่ายจากตำรวจเท่านั้น จึงขอความเห็นใจจากศาลพิจารณาให้ประกันตัวสามีด้วย

"แม่เกด" บุกสภาลุย "สาธิต"

เวลา 13.00 น. ที่หน้ารัฐสภา นางพะเยาว์ อัคฮาด แม่ของ น.ส.กมนเกด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตภายในวัดปทุมวนาราม พร้อมญาติ ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเดือน พ.ค.2553 ประมาณ 30 คน ชุมนุมเรียกร้องให้นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาชี้แจงกรณีกล่าวหาว่าผู้เสียชีวิตที่ได้รับการเยียวยาเป็นกบฏ และเป็นพวกเห็นแก่ได้ นายณัทพัช อัคฮาด น้องชาย น.ส.กมนเกด ขึ้นกล่าวบนรถขยายเสียงว่า ขอให้เจ้าหน้าที่นำตัวนายสาธิตออกมาชี้แจงว่าใครเป็นกบฏ หรือผู้ก่อการร้าย หากชี้แจงไม่ได้ นายสาธิตต้องรับผิดชอบกับคำพูด โดยให้เวลา 1 ชั่วโมง หากนายสาธิตหรือกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ออกมาชี้แจง จะนำรถปราศรัยพร้อมญาติผู้เสียชีวิตไปประชิดที่หน้ารัฐสภาประตู 1

ให้ของขวัญ "แปรงขัดส้วม"

ต่อมาเวลา 13.40 น. นายสาธิตส่งนายนิทัศน์ มณีศิลาสันต์ ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ผู้ช่วยของนายสาธิตออกมาเจรจา ก่อนเชิญเข้าไปเจรจาภายในรัฐสภา โดยนายนิทัศน์กล่าวว่า ข้อกล่าวหาที่บอกว่า นายสาธิตใส่ร้ายผู้เสียชีวิตนั้น เป็นการนำเสนอที่คลาดเคลื่อนของสื่อมวลชน แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอม และยืนกรานให้นายสาธิตหรือผู้บริหารระดับสูงของพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเจรจาด้วยเท่านั้น
ถัดมาเวลา 14.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อน ขบวนมาที่หน้าประตู 1 ทางตำรวจต้องปิดประตู ก่อนที่กลุ่มผุ้ชุมนุมยื่นคำขาดว่า หากเวลา 14.30 น. ยังไม่มีการเจรจาจะบุกเข้าไปภายในรัฐสภา ขณะเดียวกัน นางพะเยาว์กล่าวบนรถขยายเสียงว่า ขอให้นายสาธิตออกมา เพื่อไม่ให้ส.ส.คนอื่นเดือดร้อน ยืนยันว่าตลอด 1 ปี 8 เดือน ที่เรียกร้องหาความจริง ไม่เคยเรียกร้องเงิน และไม่เคยเห็นแก่ได้ อย่างที่นายสาธิตกล่าวหา สิ่งที่ต้องการมีเพียงแค่เห็นคนผิดเข้าคุกก็พอ และหากนายสาธิตฟ้องศาลปกครองที่รัฐบาลนำเงิน 2,000 ล้านบาท มาเยียวยา ทางกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตก็จะฟ้องกลับ ในฐานะที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ใช้เงิน 6,000 ล้าน ปราบม็อบ วันนี้เตรียมของมา 3 อย่าง ได้แก่ ตะกร้อครอบปากสุนัข กระดูกปลอม และแปรงขัดส้วม มามอบให้นายสาธิต และคนของพรรคประชาธิปัตย์นำไปใช้

สาธิตพัลวันไม่เคยด่ากบฏ

จนกระทั่งเวลา 15.00 น. นางพะเยาว์ พร้อมด้วย นายณัทพัช และผู้ติดตามอีก 1 คน เดินเข้าไปในรัฐสภา ภายหลังที่นายสาธิตยินดีออกมาพบ โดยนายณัทพัชถามนายสาธิตว่า เหตุใดถึงกล่าวหาว่าผู้เสียชีวิตเป็นพวกกบฏ ตามเนื้อข่าวตอนหนึ่งที่ลงในหนังสือพิมพ์ พร้อมทั้งกางหนังสือพิมพ์ให้นายสาธิตดู แต่นายสาธิตปฏิเสธ พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่เคยพูดว่าผู้เสียชีวิตเป็นกบฏ ขอให้ย้อนไปดูหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นๆ ที่ตีพิมพ์เรื่องนี้ในวันเดียวกันว่า ได้ลงข้อความเช่นนั้นเหมือนกันหรือไม่
นายสาธิตกล่าวต่อว่า ไม่ได้กล่าวหาว่าแม่น้องเกดเห็นแก่ได้ ตามข่าวที่ลงในหนังสือพิมพ์ข่าวสดฉบับวันที่ 18 ม.ค. นี้ เพียงแต่อธิบายว่า การเยียวยาต้องครอบคลุมไปถึงเหตุการณ์อื่นๆ ด้วย เช่น กรณีของกรือเซะ และกรณีของตากใบ จากนั้นนางพะเยาว์นำของฝากมอบให้นายสาธิต แต่นายสาธิตปฏิเสธที่จะรับของเหล่านั้นไว้ โดยกล่าวว่าเป็นสิทธิของตนที่จะไม่รับสิ่งของ ก่อนขอตัวขึ้นไปประชุมสภาต่อ
ถัดมาเวลา 16.00 น. นางพะเยาว์และกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางไปยัง สน.ดุสิต เพื่อแจ้งความจับนายสาธิต ในคดีหมิ่นประมาท กรณีพูดกล่าวหาผู้เสียชีวิตเป็นกบฏ

"บุญยอด" โวยทำสภาวุ่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกัน ภายในรัฐสภา ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาเป็นประธานประชุม และในช่วงเปิดให้สมาชิกหารือในเวลา 14.00 น. นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นหารือด่วนต่อที่ประชุม กรณีกลุ่มของนางพะเยาว์มาชุมนุมอยู่ที่ประตูทางเข้าออกรัฐสภา โดยระบุว่า กลุ่มชุมนุมประท้วงหน้าสภาติดธงแดง ไม่ทราบว่าเป็นแดงแท้ หรือแดงเทียม แต่ปิดทางเข้าออก ทำให้สมาชิกเดือดร้อนเข้ามาทำงานไม่ได้ ขอให้นายสมศักดิ์ดูแลความปลอดภัยของสมาชิกด้วย
จากนั้น นายสาธิตกล่าวว่า กลุ่มดังกล่าวมาขอพบตนในช่วงเช้า แต่ไม่ทราบว่าเดือดร้อนเรื่องอะไร จึงส่งตัวแทนไปพบ และเชิญให้เข้ามาพบที่ห้องรับรองของรัฐสภา แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมเข้ามา ซ้ำยังบังคับขู่เข็ญ โทรศัพท์ให้ออกไปพบ ขึ้นเวทีด่า จนเหตุการณ์บานปลายลุกลามมาปิดประตูสภา ยุคนี้เป็นยุคปรองดองของรัฐบาล อย่าให้เกิดเหตุการณ์ไม่สร้างสรรค์กับสภาแบบนี้ ป้ายที่นำมาติดก็ใช้คำไม่สุภาพ ติดตั้งลำโพงแบบถาวร แม้จะอยู่นอกสภาแต่เกี่ยวเนื่องกันหมด

พท. สวนเป็นสิทธิผู้รัก "ปชต."

ต่อมา นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ขอใช้สิทธิพาดพิงชี้แจงการชุมนุมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้าสภา เป็นเรื่องการชุมนุมของผู้รักประชาธิปไตย ถือเป็นสิทธิของประชาชนที่ชุมนุมเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ขณะที่ นายสมศักดิ์สั่งการให้นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภา ประสานเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งภายในรัฐบาล และภายนอกให้ประสานตำรวจ แต่ต่อมาระหว่างพิจารณาไปตามระเบียบวาระ นายสาธิตลุกหารือกลางที่ประชุมอีกครั้ง ถึงกรณีการชุมนุมหน้ารัฐสภาว่าการชุมนุมที่หน้าสภาเปิดเพลงส่งเสียงดังรบกวนประชุมของพรรคร่วมฝ่ายค้านชั้น 3 ขอให้ประธานสภาดำเนินการด้วย นายสมศักดิ์แจ้งว่า ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปประสานแล้ว นายสาธิตจึงแย้งว่า เจ้าหน้าที่ที่ลงไปประสานก็ถูกผู้ชุมนุมด่า และไล่กลับมาแล้ว ในที่สุดนายสมศักดิ์รับปากว่า จะดำเนินการให้อีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อจบวาระหารือ เข้าสู่การพิจารณาตามระเบียบวาระ โดยเป็นการลงมติรับร่าง พ.ร.บ.สถาบันการพลศึกษา ที่ค้างมาจากการประชุมสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ทักท้วงให้รอสมาชิกคนอื่นๆ ที่ยังเข้าสภาไม่ได้ เพราะกลุ่มชุมนุมปิดประตูทางเข้า นายสมศักดิ์จึงยอมรอ 10 นาที เมื่อครบองค์ประชุมจึงลงมติรับร่างโดยเอกฉันท์ที่ 381 เสียง

"มาร์ค" จี้แจงวิธีแยกนักโทษ

ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการย้ายผู้ต้องขังเสื้อแดงไปคุกการเมืองว่า อธิบดีกรมราชทัณฑ์ควรแจกแจงรายละเอียด ว่าการคัดเลือกบุคคลที่ย้ายมีหลักเกณฑ์อะไร ครอบคลุมทุกคนที่อยู่ในข่ายเดียวกันหรือไม่ และสอดคล้องกับข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) หรือไม่ ถ้าไม่ทำเช่นนั้นจะเกิดความสงสัย ว่าทำประโยชน์เพื่อกลุ่มและพวกตัวเองมากกว่าหลักการ นอกจากนี้ ต้องชัดเจนเรื่องความแตกต่างของการปฏิบัติต่อบุคคลที่ย้ายมา กับบุคคลที่ถูกคุมขังอยู่ที่อื่นแตกต่างกันอย่างไร โดยเฉพาะกรณีที่มีการอ้างแรงจูงใจทางการเมือง จะต้องพูดให้ชัด เพราะหากสร้างความสับสนทุกคนจะอ้างแรงจูงใจทางการเมืองในการทำผิดคดีอาญา
   "ผมคิดว่ากรณียิงวัดพระแก้ว หรือเผาสถานที่ราชการ จะนำมาอ้างเรื่องแรงจูงใจทางการเมืองไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคดีก่อการร้ายทั้งหมดจะถูกเหมาเป็นเรื่องการเมือง แม้แต่กลุ่มก่อการร้ายสากลก็อ้างเรื่องอุดมการณ์ ไม่ใช่ทำผิดอาญาตามปกติ จึงไม่ควรนำคนที่ทำผิดในลักษณะนี้ มาอ้างในเรื่องแรงจูงใจทางการเมือง กรมราชทัณฑ์ต้องแจกแจงให้ละเอียด และ คอป. ต้องแสดงจุดยืน เพื่อทำความกระจ่างว่าสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการไป ตรงกับข้อเสนอของ คอป. จริงหรือไม่ ถ้าเป็นไปตามข้อเสนอของ คอป. คอป. ต้องร่วมรับผิดชอบกับปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น แต่ถ้าไม่ตรง รัฐบาลต้องตัดสินใจว่าจะทบทวน เพื่อให้เป็นไปตามข้อเสนอของคอป." นายอภิสิทธิ์กล่าว

เทพไทเฉ่งทำไมไม่ตีตรวน

ขณะที่ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า เห็นภาพข่าวการย้ายนักโทษของกรมราชทัณฑ์ ปฏิบัติเหมือนกับการดูแลม็อบเสื้อแดง มากกว่าดูแลคนเหล่านี้ในฐานะผู้ต้องขัง เพราะระหว่างการควบคุมขนย้ายนักโทษ ก็มีม็อบมาต้อนรับ ปรบมือให้กำลังใจ เยี่ยงการต้อนรับ วีรบุรุษ และที่ผิดไปจากปกติกว่าทุกครั้ง คือระหว่างควบคุมตัวนั้น แทนที่จะใส่ชุดนักโทษ และตีตรวนตามแบบฟอร์มของกรมราชทัณฑ์ กลับไม่ปฏิบัติ โดยใส่เพียงชุดเสื้อยืดคอกลมสีแดง มีรูปหน้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บ้าง รูป น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บ้าง และผู้ต้องหาบางคนยังโพกหัวด้วยผ้าสีแดง เป็นการแต่งกายเหมือนการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ทุกอย่าง
   "ผมอยากจะให้ รมว.ยุติธรรม เข้าไปดูแลเรื่องนี้ว่ามีการกระทำผิดระเบียบหรือไม่ โดยเฉพาะการใช้ชีวิตประจำวัน ว่าใส่เครื่องแบบใดแน่ หรือว่ากรมราชทัณฑ์จะเปลี่ยนแบบฟอร์มนักโทษใหม่ ให้เป็นชุดสีแดงแทนสีน้ำตาล แล้วสกรีนคำว่ากลุ่ม นปช. มีหน้า พ.ต.ท.ทักษิณ และนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เป็นโลโก้แทนแล้ว" นายเทพไท กล่าว

ปชป. เล็งฟ้องศาลปกครองอีก

ส่วนนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการจ่ายเงินเยียวยาม็อบว่า ครม. เงามีมติไม่เห็นด้วยเพราะจะเกิดปัญหาความไม่เป็นธรรม และจะร้องต่อศาลปกครองเพิ่มเติม เพราะมีบางประเด็นที่ฝ่ายกฎหมายของพรรค เห็นว่าขัดหลักนิติธรรม และจะพิจารณาถึงหลักเกณฑ์ของการจ่ายเงิน ว่า มติ ครม.ดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะเอกสารของสำนักงานปลัดสำนักนายกฯ ระบุว่าเป็นเงินชดเชยเยียวยา ซึ่งปกติสำนักคณะกรรมการกฤษฎีกาจะทักท้วงว่า เงินชดเชยจะใช้ในกรณีที่รัฐไปละเมิดประชาชน แต่กรณีเหตุการณ์เดือน พ.ค.2553 รัฐดำเนินตามอำนาจของกฎหมาย และยังไม่มีหน่วยงานใด เช่น ศาลชี้ว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ดังนั้นมติ ครม. อาจจะขัดต่อระเบียบและกฎหมาย
ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม. เงายังตั้งข้อสังเกตถึงการใช้จ่ายเงินเยียวยา 2,000 ล้านบาท จะเป็นได้หรือไม่ว่าจะมีการตกลงกันภายใน ระหว่างรัฐบาลและคนเสื้อแดงว่า จะกันเงินจากเงินเยียวยานี้มาตั้งกองทุนสำหรับกลุ่มคนเสื้อแดงในการเคลื่อนไหว ถ้าเป็นจริงก็เท่ากับว่าเป็นการยักย้ายถ่ายเทเงินงบประมาณ ที่มาจากภาษีประชาชนมาตั้งเป็นกองทุนสนับสนุนคนเสื้อแดง เช่น เสื้อแดงแต่ละรายบอกว่าจะรับเงิน 3-4 ล้านบาท จะทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงมีเงินจัด ตั้งกองทุน 1,000 ล้านบาท จะยิ่งสร้างความไม่ปรองดองในประเทศ