รัฐบาลใจป้ำไฟเขียวงบ 2 พันล้านจ่ายชดเชยเหยื่อ "แดง-เหลือง" ตายได้ 7.75 ล้าน เยียวยาบาดเจ็บอีกเพียบ ครอบคลุมวิกฤติการเมืองตั้งแต่ปี 2548-2553
วันที่ 10 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม. ว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบในหลักการตามมติคณะกรรมการประานงานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อ เสนอของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) ให้เสนอแนะมาตรการ กลไก และวิธีการเพื่อส่งเสริมการเยียวยาและฟื้นฟูเหยื่อและผู้เสียหายตลอดจนผู้ ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงหรือความขัดแย้งทางการเมืองทุกฝ่าย ซึ่งเป็นการชดเชย เยียวยาและฟื้นฟูที่ไม่อยู่ในกรอบกฎหมายและแนวทางปฏิบัติเดิม ทั้งทางการเงินและรูปแบบอื่น รวมถึงการสร้างโอกาสในการดำรงชีพและประกอบอาชีพตามปกติ โดยเทียบเคียงให้มีมาตรฐานเป็นสากลกับการกำหนดค่าชดเชยของสหประชาชาติและ ประเทศที่มีการชดเชยเยียวยาให้แก่ผู้เสียหาย และสอดคล้องกับข้อเสนอของ คอป. ที่เห็นว่าการชดเชยเยียวยาและฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ ความรุนแรงทุกฝ่าย เป็นเงื่อนไขสำคัญในการสร้างความปรองดองในชาติ
สำหรับการชดเชยเยียวยาจะครอบคลุมถึงทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ ความรุนแรงตั้งแต่เหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตยเพื่อขับไล่รัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปลายปี 2548 จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์เมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม เจ้าหน้าที่ของรัฐ สื่อมวลชน และภาคเอกชน ตลอดจนครอบครัวของผู้ที่ได้รับผลกระทบ เบื้องต้นได้ประมาณการวงเงินงบประมาณจำนวน 2,000 ล้าบบาท
ทั้งนี้ ปคอป. ได้กำหนดกรอบอัตราเงินช่วยเหลือ ชดเชย เยียวยาความเสียหาย ดังนี้ กรณีเสียชีวิต อัตรา 4,500,000 บาทต่อราย คำนวณตามฐานข้อมูลรายได้เฉลี่ยประจำต่อคนต่อเดือนตามสถิติรายได้ประชาชาติ ของประเทศไทยปี 2553 ซึ่งเท่ากับ 150,177 บาท ชดเชยค่าเสียโอกาสให้กับทุกครอบครัวในอัตราเดียวกันเป็นเวลา 30 ปี ประมาณว่าผู้เสียชีวิตอายุเฉลี่ยที่ 35 ปี จะมีโอกาสทำงานจนถึงอายุ 65 ปี จึงเท่ากับขาดโอกาสทำงานไป 30 ปี และเงินช่วยเหลือสำหรับค่าปลงศพ อัตรา 250,000 บาทต่อราย
กรณีทุพพลภาพ อัตราเท่ากับเงินชดเชยกรณีเสียชีวิต 4,500,000 บาทต่อราย กรณีสูญเสียอวัยวะสำคัญ อัตราร้อยละ 80 ของอัตราเงินชดเชยกรณีเสียชีวิตหรือ 3,600,000 บาทต่อราย สูญเสียอวัยวะไม่สำคัญ อัตราร้อยละ 40 ของอัตราเงินชดเชยกรณีเสียชีวิต หรือ 1,800,000 บาทต่อราย
กรณีได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่สูญเสียอวัยวะ อัตราร้อยละ 25 ของอัตราเงินชดเชยกรณีเสียชีวิต หรือ1,125,000 บาทต่อราย ได้รับบาดเจ็บไม่สาหัส อัตราร้อยละ 15 ของอัตราเงินชดเชยกรณีเสียชีวิต หรือ 675,000 บาทต่อราย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย อัตราร้อยละ 5 ของอัตราเงินชดเชยกรณีเสียชีวิตหรือ 225,000 บาทต่อราย
เงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลกรณีเสียชีวิต โดยได้เข้ารับการรักษาก่อนเสียชีวิต อัตราเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อราย กรณีทุพพลภาพและสูญเสียอวัยวะสำคัญ อัตราเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อราย และเมื่อจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาต่อเนื่อง อัตราเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อรายต่อปี กรณีสูญเสียอวัยวะไม่สำคัญ อัตราเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย และเมื่อจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาต่อเนื่อง อัตราเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาทต่อรายต่อปี กรณีได้รับบาดเจ็บสาหัส อัตราเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย กรณีได้รับบาดเจ็บไม่สาหัส อัตราเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 20,000 บาทต่อราย กรณีได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย อัตราเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาทต่อราย
การชดเชยเยียวยาผู้ที่ถูกดำเนินคดีจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองในกรณี ศาลมีคำสั่ง/คำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง ให้ได้รับเงินชดเชยในอัตราเท่ากับจำนวนระยะเวลาที่ถูกควบคุมตัว โดยคำนวณตามฐานข้อมูลรายได้เฉลี่ยประจำต่อคนต่อเดือน ตามสถิติรายได้ประชาชาติของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2553 (150,177 บาทต่อปี) และ กรณีศาลมีคำสั่ง/คำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก แต่ถูกควบคุมหรือคุมขังเกินกว่าระยะเวลาให้จำคุก ให้ได้รับเงินชดเชยในอัตราเท่ากับจำนวนระยะเวลาที่ถูกควบคุมตัวเกินกว่าระยะ เวลาให้จำคุก โดยคำนวณตามฐานข้อมูลรายได้เฉลี่ยประจำต่อคนต่อเดือน ตามสถิติรายได้ประชาชาติของประเทศไทย ปี 2553 (150,177 บาทต่อปี)
นอกจากนั้นยังมีการชดเชยเยียวยาความสูญเสียทางด้านจิตใจ กรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพ อัตรา 3,000,000 บาทต่อราย กรณีศาลมีคำสั่ง/คำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง และได้ถูกควบคุมหรือคุมขังก่อนศาลมีคำสั่ง/คำพิพากษา เป็นระยะเวลาเกินกว่า 180 วัน อัตรา 1,500,000 บาทต่อราย ระยะเวลาเกินกว่า 90 วัน แต่ไม่เกิน 180 วัน อัตรา 750,000 บาทต่อราย กรณีศาลมีคำสั่ง/คำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก แต่ถูกควบคุมหรือคุมขังเกินกว่าระยะเวลาให้จำคุก เป็นระยะเวลาเกินกว่า 180 วัน อัตรา 1,000,000 บาทต่อราย ระยะเวลาเกินกว่า 90 วัน แต่ไม่เกิน 180 วัน อัตรา 500,000 บาทต่อราย
ให้คณะอนุกรรมการด้านการเยียวยาทางแพ่งและฟื้นฟูด้วยวิธีอื่นที่ ปคอป. แต่งตั้งเป็นผู้พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการชดเชยเยียวยา ทั้งทางการเงินและรูปแบบอื่น รวมถึงการสร้างโอกาสในการดำรงชีพและประกอบอาชีพตามปกติ ให้เหมาะสมและสอดคล้องตามกรอบอัตราเงินช่วยเหลือ ชดเชย เยียวยาความเสียหาย และให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ และเป็นหน่วยเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับการดำเนินการเยียวยาและฟื้นฟู ตามที่ ปคอป. เสนอ