แถลงข่าวนปช.แดงทั้งแผ่นดิน "ประกาศลั่นกลองรบ" 20 ก.พ.57 (ชมคลิป)



ทีมข่าว นปช.
20 กุมภาพันธ์ 2557

วันนี้เวลา 13.00 น.เริ่มการแถลงข่าวนปช.แดงทั้งแผ่นดิน"ในสถานการณ์พิเศษ" ประจำวันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557 ณ ห้างอิมพีเรียลเวิลด์ลาดพร้าว ชั้น 6

















อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช.กล่าว วาระนี้ก็เป็นเวลาสำคัญสำหรับคนไทยทั้งประเทศ ที่เรามาอยู่ที่จุดที่ถือว่าเป็นวิกฤตการเมืองระดับสูงสุด นปช.ผู้รักประชาธิปไตย ถือเป็นภาระหน้าที่ของผู้รักประชาธิปไตย ต้องเข้ามาแบกรับภารกิจที่จะทำให้ประเทศสามารถเดินไป เกิดความปกติสุขและเป็นเป้าหมายของประชาชนได้


ดังนั้นที่เราได้มีการนัดหมายกัน ซึ่งเดิมเราได้นัดกันใน 4 พื้นที่แต่ก็ได้กรึ้นไปแล้วว่าอาจจะไม่ทันการณ์ ขณะนี้เราเห็นเป็นโอกาสอันดีที่จะได้มีการประชุมแกนนำทั้งประเทศ โดยใช้ชื่อว่า “นปช.ลั่นกลองรบ” เป็นสัญญาณที่เราต้องการสื่อสารมายังคนไทยทั้งประเทศและผู้รักประชาธิปไตยทั่วโลก เราจำเป็นต้องมีการเตรียมดำเนินงานเพื่อที่จะให้ประเทศนี้อยู่เป็นปกติสุขได้ เพราะฉะนั้นเรานัดหมายวันเดียวคือวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ จึงขอสื่อสารมายังแกนนำนปช.ทั้งประเทศ เราคาดหมายว่าตั้งแต่แกนนำในระดับอำเภอระดับจังหวัดและตำบลใหญ่ ซึ่งจำกัด 4,000 คน เราจะใช้สถานที่ที่โคราชเราจะเริ่มเวลาตั้งแต่ 9.00 น.

ขอให้ตัวแทนแต่ละจังหวัดได้นำเสนอความคิดเห็นของแกนนำในจังหวัดนั้นๆอย่างเป็นระบบ นี่เป็นเวทีระดมความคิดและความเป็นหนึ่งเดียวของพี่น้องผู้รักประชาธิปไตย ในหัวข้อใหญ่2ข้อ 1.ยุทธศาสตร์ยุทธวิธีในสถานการณ์เฉพาะหน้าต้องปรับอย่างไร 2.การปฏิรูปประเทศไทยของประชาชนไทย ทั้งทางการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจและสังคม ในแบล็คดรอป “นปช.ลั่นกลองรบ” หมายความว่า พร้อมที่คนรักประชาธิปไตยไม่อาจจะทนเห็นให้สถานการณ์ที่ย้ำยีและความเท่าเทียมของคนในประเทศนี้ ดำเนินต่อไปซึ่งทำให้เกิดความเสียหายของประเทศและของประชาชนทั้งอนาคต เราไม่สามารถที่จะอยู่เฉยๆได้อีกต่อไป (ประธานและแกนนำนปช.แสดงสัญญาณชักธงรบพร้อมกัน)

อ.ธิดากล่าวต่อ ประเด็นแรกศาลแพ่งที่เราอยากเสนอต่อประชาชนและสื่อมวลชน ได้เปรียบเทียบคำวินิจฉัยของศาลแพ่งในปี53และปีปัจจุบัน ในปี53ศาลได้บอกว่าศาลมิอาจก้าวล่วงไปพิจารณาหรือทบทวนการใช้ดุลพินิจของฝ่ายบริหารได้ ซึ่งคุณพร้อมพงศ์ ได้ไปฟ้องศาลแพ่งให้ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้ศาลยกเลิกคำสั่งนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ

ในครั้งนั้นได้มีการปิดสถานีพีเพิลชาลแนล มาในปีปัจจุบันศาลพิเคราะห์ในคดีโจทย์และจำเลยแล้วเห็นว่ากฏหมายให้อำนาจการบริหารในการออกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อเห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในสถานการณ์คับขัน แต่การออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินดังกล่าว ต้องมีผลบังคับใช้กับคนทุกกลุ่ม แต่ศาลเห็นว่าการออกประกาศนั้นเป็นการบังคับใช้กับผู้ชุมนุมที่มาชุมนุมตามสิทธิ์ของรัฐธรรมนูญ ดังนั้นศาลไม่ได้ยกเลิกแต่ศาลสั่งห้ามจำเลย(นายกรัฐมนตรี)และผู้อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศรส.) มียกเลิกจาก 12 ข้อคือห้าม 9 ข้อ ห้ามจำเลยสั่งห้ามชุมนุมตั้งแต่5คนขึ้นไป ห้ามจำเลยสั่งให้เจ้าหน้าที่สั่งสลายการชุมนุม เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นพรก.ฉุกเฉินที่ไม่สามารถใช้การได้ตามวัตถุประสงค์

เราไม่เห็นด้วยคือ ที่บอกว่า กปปส.เป็นการชุมนุมที่สันติอหิงสาปราศจากอาวุธ เรายืนยันว่าส่วนหนึ่งในการชุมนุมที่ราชมังคลา เราไม่เห็นด้วยว่ากองกำลังกปปส.แสดงออกถึงพฤติกรรมที่ไม่สันติอหิสา ซึ่งเห็นได้ชัดที่กลุ่ม กกปส.มีความพยายามทำร้ายประชาชนทุกรูปแบบ ทั้งมีด ไม้ การชกต่อยและใช้อาวุธปืนจนถึงแก่ชีวิต ที่หลักสี่เป็นที่ชัดเจนว่ามีการใช้อาวุธอย่างเปิดเผย ชัดเจนในการขัดขวางการเลือกตั้งรวมทั้งการยึดสถานที่และประกาศที่จะล้มการเลือกตั้ง ต้องการที่จะยุติการบริหารราชการแผ่นดิน พิสูจน์ให้เห็นว่าการชุมนุมของกปปส.ไม่ใช่การชุมนุมสันติอหิสาแต่อย่างใด (อ.ธิดา โชว์ภาพเปรียบเทียบการจัดกำลังและบังเกอร์ปี53กับปี57)

ซึ่งในยุคของนปช.ปี53 เป็นบังเกอร์ที่มีแต่ยางกับไม้ไผ่ ส่วนบังเกอร์ของกปปส.ปี57 มีรูสำหรับใช้ปืน มีลักษณะเป็นป้อมปราการ ที่ใช้ไม่ใช่เพียงป้องกันตัวแต่มีลักษณะสู้รบด้วย เราจึงขอสื่อสารมายังสังคมไทยว่า ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัย แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะดูหมิ่นหรือไม่ยอมรับ เรา ผู้ซึ่งต้องการรักษาระบอบและระบบและเป็นการต่อสู้ของประชาชนโดยยึดกฏหมายและรัฐธรรมนูญ เราไม่เห็นด้วยแต่จำเป็นต้องยอมรับด้วยความรู้สึกที่โต้แย้ง

อ.ธิดากล่าวต่อ ในต่างประเทศมีความคิดเห็นอันนี้มาก เราจึงขอเตือนมายังกระบวนการยุติธรรมไทย เวปไซต์หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์พูดถึง คำพิพากษาเป็นการขยับอีกก้าวไปสู่ตุลาการรัฐฆาต หมายถึงการทำรัฐประหารโดยตุลาการอย่างเต็มรูปแบบ เป็นปัญหาที่โลกสนใจ มีคำอธิบายค่อนข้างรุนแรงและได้นิยามคำว่า “การใช้รัฐประหารโดยใช้กฎหมาย” เป็นการแสดงทัศนะในเชิงวิชาการและความรู้สึกของประชาชนผู้รับฟังเมื่อเปรียบเทียบปี53กับปี57

สุดท้ายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ท้า นปช.ออกมา นปช.จะออกมาไม่ใช่เพราะนายสุเทพท้า แต่นปช.จะออกมาเพราะเหตุผลผู้รักชาติรักประชาธิปไตยเรียกร้อง ถ้าสุเทพอยากชกผ่านมา 30 ปี เราจะส่งคุณจิรายุส เนาวเกตุ ซึ่งเคยชกคว่ำไปแล้ว และยังไม่เคยขอแก้มือ


ด้านนายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำนปช.เชื่อว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังนายสุเทพ กำลังพยายามยึดอำนาจของรัฐบาลไปจากพรรคเพื่อไทย โดยไม่สนใจกติกาบ้านเมือง รูปแบบหรือวิธีการ ดังนั้นจึงขอเป็นกำลังใจให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้มีพลังต่อสู้ สามารถรับภาระของคนทั้งประเทศ โดยไม่ลาออก พร้อมยืนยันว่า นปช.และคนทั่วประเทศ จะยืนเคียงข้างและรักษาระบอบประชาธิปไตย

นายก่อแก้วยังได้เรียกร้องให้คนที่อยู่เบื้องหลังนายสุเทพ หยุดสนับสนุนการเคลื่อนไหว หากไม่ต้องการให้ประเทศเดินหน้าไปสู่สงคราม ไปสู่ดารล่มสลายและหันกลับมารับฟังเสียงสะท้อนของประชาชน ที่จะพูดคุยหาทางออกในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้

ขณะที่ด้านนพ.เหวง โตริราการ แกนนำนปช.นำภาพและคลิป วีดีโอจากผู้สื่อข่าวต่างประเทศ มาอ้างอิง โดยยืนยันคำปราศรัยของนายสุเทพที่อ้างว่า “ตำรวจทำระเบิดตกใส่เท้าตัวเองนั้น” เป็นเรื่องโกหก ขณะเดียวกันส่วนตัวเชื่อว่า เป็นระเบิดชนิดM67 เป็นการขว้างมาจากฝ่ายผู้ชุมนุม ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็น ระเบิดชนิดเดียวกัน กับที่ถูกขว้างใส่พ.อ.ร่มเกล้า รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 ปี53 จึงเรียกร้องไปยังคนไทยทั่วประเทศ และศาลแพ่งว่า ควรนำข้อมูลเหล่านี้ ไปพิจารณาให้รอบครอบเพื่อความเป็นธรรม