ณัฐวุฒิ แฉลูกชาย "สุเทพ" หอบเงิน 200 ล้านซื้อที่วันชัตดาวน์ (ชมคลิป)

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. เปิดเผยหลักฐานการซื้อที่ดินของบุตรชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำม็อบประชาธิปัตย์ ที่นอกจากจะถืออภิสิทธิ์เข้าไปในสำนักงานที่ดิน เพื่อทำสัญญาโอนที่ดินในวันประกาศชัตดาวน์ประเทศแล้ว ยังน่าสงสัยด้วยว่า น่าจะนำเงินบริจาคของผู้ชุมนุมไปซื้อด้วย






นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษาการ รมช.พาณิชย์ และแกนนำนปช. กล่าวในรายการทอล์กโชว์ “ถลกหนังเทือก”ตอนหนึ่งว่ามีเรื่องน่าสนใจเหตุเกิดที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยมีที่ดินแปลงหนี่งตั้งที่ ต.ช้างซ้าย อ.พระพรหม อยู่ใกล้กับบ้านพักนายเทพไท เสนพงศ์ รองเลขาธิการ พรรคประชาธิปัตย์ มีเนื้อที่จำนวน 52 ไร่ อยู่ติดถนนใหญ่ที่ดินแปลงนี้มีการเจรจาซื้อขาย โดยผู้ซื้อตกลงกับผู้ขายวางมัดจำเงินก้อนแรกเมื่อวันที่6 มิ.ย. 2556 จำนวน 21 ล้านบาท โดยจ่ายเป็นเช็คเงินสดหรือแคชเชียร์เช็ค แลจะโอนจริงวันที่ 6 ธ.ค.56 ทั้งนี้มีสิ่งที่น่าสนใจเพราะคนที่ไปวางสัญญาวางมัดจำซื้อขายที่ดินชื่อนายแทน เทือกสุบรรณ ลูกชายนายสุเทพ

นายณัฐวุฒิ ได้นำภาพถ่ายที่ดินแปลงดังกล่าวพร้อมสำเนาแคชเชียร์เช็คมาแสดงพร้อม กล่าวว่า ตนเป็นคนนครศรีธรรมราช ถ้าไม่มีหลักฐานมาแสดงให้ดูก็เสียฟอร์ม ทั้งนี้พอถึงวันที่ 6 ธ.ค.56 เกิดเหตุขัดข้องทางเทคนิคจากฝ่ายผู้ขายไม่สามารถมาดำเนินการได้จึงเลื่อนนัดหมายโอนที่ดินมาเป็นวันที่ 29 ม.ค. 2557 ในวันโอนนายแทนและพวกซึ่งแสดงตัวเป็นผู้ซื้อร่วมอีก 4 คน เดินทางเข้าจ.นครศรีธรรมราช คนเขาเห็นกันทั่วเพราะนี่คือลูกชายของผู้ยิ่งใหญ่โดยนายแทนและพวกหอบเอาแคชเชียร์เช็คอีกหลายใบไปจ่ายค่าที่ดินแปลงนี้รวมมูลค่าที่ดินที่จ่ายเพิ่มอีก 212 ล้านบาท เท่ากับเป็นการซื้อขายและจ่ายเงินกันสด ๆ รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการโอนที่ดินวันเดียวกันนี้ต้องจ่ายเงินไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาท

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ทั้งนี้มีการแบ่งกันถือครองที่ดินกันคนละเล็กละน้อยขณะที่นายแทนถือครองที่ดิน 80 % ของทั้งหมด ซึ่งนายแทนต้องมีเงินสดไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาทตนรู้อีกว่าในการทำสัญญาการโอนนั้นนายแทนดำเนินการด้วยตัวเอง ซึ่งวันที่ 29 ม.ค.57 เป็นวันที่นายสุเทพประกาศชัตดาวน์ประเทศไทย แต่ในขณะที่คนใต้บ้านตนเที่ยววิ่งเป่านกหวีดปิดสถานที่ราชการ นายแทนกลับมุดเข้าสำนักงานที่ดินจ.นครศรีธรรมราชโอนที่แปลงนี้ได้ หมายความว่าอย่างไรลุงกำนันจะชัตดาวน์แต่คนอื่นเท่านั้นใช่หรือไม่ลูกชายตัวเองหอบเงินสดไปซื้อที่ดิน 200 กว่าล้านได้ใช่หรือไม่ แต่ประชาชนคนอื่นจะทำธุรกรรมทำไม่ได้เพราะเขาชัตดาวน์ขอให้ กปปส.ไปถามนายสุเทพว่า ที่ตนพูดนั้นจริงหรือไม่ ที่ว่าการปฏิรูประเทศไทย เป็นการปฏิรูปให้คนอยู่ใต้อำนาจนายสุเทพหรือไม่ กปปส.เชื่อนายสุเทพได้สักเรื่องหรือไม่ เพราะกิจการในเครือนายสุเทพไม่เคยหยุดแม้แต่วันเดียว

“ เงินที่ซื้อที่ดินเป็นเงินสดเอาไปซื้อแคชเชียร์เช็คมา คนมีเงินสด 200 ล้านต้องมีเงินในบัญชีมากขนาดไหน ผมมีสิทธิ์สงสัยว่าเงินที่มวลมหาประชาชนบริจาค เผลอ ๆ จะมาลงในที่แปลงนี้หรือไม่ ผมก็ไม่ทราบเรื่องนี้จริงหรือไม่ ให้นายสุเทพชี้แจงมา แล้วผมยังสงสัยต่อไปว่าคน 4 คนที่ไปเข้าชื่อซื้อที่ร่วมกับนายแทนอาจจะเป็นนอมินีของลุงกำนันก็ได้ และที่ดินแปลงนี้อาจจะเป็นของลุงกำนัน 100% นายสุเทพพูดอะไรท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่คิดหรือว่า นายสุเทพ จะไม่รู้ว่าลูกไปซื้อที่ดินในวันชัตดาวน์ลูกชายจะกล้าไปซื้อหรือถ้านายสุเทพไม่สั่ง พูดก็พูดได้ว่านายสุเทพไปซื้อที่ดินในวันชัตดาวน์ ” นายณัฐวุฒิกล่าว.
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ กล่าวอีก ว่า กรณีมหาเศรษฐีเอาเงินสด250 ล้านไปซื้อที่ จ.นครศรีธรรมราช ที่ตนได้ให้ข้อมูลไปนั้น นายสุเทพเทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้พูดหลายเรื่อง ยกเว้นเรื่องนี้ที่ไม่พูดเลย ซึ่งตนไม่เชื่อว่านายสุเทพจะไม่รู้ไม่เห็นหรือไม่ได้ยินเรื่องนี้  มีเพียงนายแทน เทือกสุบรรณลูกชายนายสุเทพที่ออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก ว่าเป็นการใส่ร้ายนั้น ตนยืนยันว่าไม่ใช่การใส่ร้าย เพราะเป็นเรื่องจริงและขอให้นายแทนหรือนายสุเทพชี้แจงมา ตนเพียงแต่สงสัยว่าเป็นการนำเงินบริจาคมาซื้อหรือไม่นั้นตนมีสิทธิ์สงสัย คนไทยมีสิทธิ์จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ ถ้านายแทนบอกว่าเป็นเพียงสมาชิกผู้ชุมนุมกปปส. คนหนึ่ง ถ้าไม่ได้ถือเงินบริจาค ทำไมไม่ฟังคำสั่งลุงกำนัน เมื่อวันที่29 ม.ค.สถานที่ราชการทุกแห่งต้องชัตดาวน์ทำไมนายแทนถึงมุดเข้าประตูหลังสำนักงานที่ดิน จ.นครศรีธรรมราชไปโอนที่ได้โดยที่วันนั้นทั้งวันสำนักงานที่ดิน จ.นครศรีธรรมราชไม่ได้ให้บริการใครเลย เพราะนายสุเทพชัตดาวน์ แต่นายแทนเข้าได้ หมายความว่าอย่างไร

“อีกประเด็นหนึ่งนายแทนบอกว่าเป็นเงินที่เก็บสะสมมา  ไม่ใช่เงินลุงกำนัน เพราะอย่าว่าแต่ไปซื้อที่เงินชุมนุมนายสุเทพยังต้องกู้หนี้ยืมสิน ผมไม่เชื่อ ถามชัดๆ ตรงๆถ้านายสุเทพต้องกู้หนี้ยืมสิน แล้วเงินที่นายสุเทพบอกซ่อนตามบ้านต่างๆ อยู่ที่ไหนทำไมไม่เอามาใช้ ขอให้น้องแทนโพสต์ข้อความเรื่องนี้ด้วย เงินซ่อนไว้จำนวนเท่าไร อยู่บ้านหลังไหนราคาเท่าไร ทำไมไม่อยู่ในธนาคาร แทนต้องอธิบายเพราะพ่อหลบลงรูไปแล้ว  ” นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ทั้งนี้ตนไปดูฐานะทางเงินและการงานของนายแทนนั้น มีอาชีพเป็นหลักแหล่งเป็นกรรมการของบริษัทศรีสุบรรณฟาร์ม ประกอบธุรกิจการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและทำสวน บริษัทนี้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท เมื่อปี 2546 ขณะที่นายแทน อายุเพียง 23 ปี แต่มีเงิน 200ล้านบาทมาเปิดบริษัทลูกชายลุงกำนันมีความเป็นนักธุรกิจสุดยอด ไม่แปลกถ้าคนอายุ 20 ต้นๆจะมีเงินมาเปิดบริษัท แต่ปัญหาคือนายแทนก่อนที่จะมาจดทะเบียนบริษัทนี้ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านยังไม่พบประวัติการทำงานธุรกิจแบบไหนมาก่อนโดยที่นายสุเทพก็แจ้งบัญชีหนี้สินไว้มากกว่าทรัพย์สิน ดังนั้นเม็ดเงิน 200 กว่าล้านนี้มาจากไหน ช่องทางมายังไง เดินมาอย่างไร จนมาถึงเช็คเงินสดที่จ่ายในวันที่29 ม.ค. ที่ผ่านมา ตนขอเวลา 2-3 วันจะทำการบ้านมาบอกประชาชน แล้วจะให้รับรู้กันว่าที่ประกาศบนเวทีว่าตัวเองเป็นคนตรงไปตรงมาไม่เคยทุจริตนั้นเป็นอย่างไร