การพบระหว่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในวันกองทัพบก ณ สโมสรทหารบก ริมถนนวิภาวดีรังสิต เป็นข่าวใหญ่ประจำวันศุกร์ 20 มกราคม
"ป๋าเปรม" ยิ้มแย้ม ทักทายปู ชื่นมื่นงานเลี้ยง ทบ.-เป็นพาดหัวตัวไม้ "ข่าวสด"
"มติชน" เสนอภาพใหญ่ พร้อมคำบรรยาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้การต้อนรับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาร่วมงานเลี้ยง
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ทักทาย น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ก่อนจะเดินขึ้นไปยังห้องมัฆวานรังสรรค์ ชั้น 2 ของสโมสรพร้อมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ทุกข่าวเน้นประเด็นสำคัญ คือ การพบกันครั้งแรก
แม้การพบระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จะมิได้เป็น ณ บ้านสี่เสาเทเวศร์
กระนั้น การพบ ณ สโมสรทหารบก ก็มีความหมาย
เป็นความหมายอันแสดง "ระยะ" ระหว่างรัฐบาลกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้ใกล้เข้ามา ขณะเดียวกัน เป็นความหมายระหว่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วย
ตรงนี้แหละที่ควรจับตา
รู้สึกหรือไม่ว่าโดยกระบวนการของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พยายามลดความขัดแย้ง ลดการปะทะกับคู่ปรปักษ์ทางการเมืองโดยตรง
การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นเรื่องที่เด่นชัดมาก
เด่นชัดมากว่าเป็นการเคลื่อนไหวของคณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 (ครก.112) อันเป็นองค์กรภาคประชาชน มิใช่เรื่องของพรรคเพื่อไทย มิใช่เรื่องของรัฐบาล
เช่นเดียวกับเรื่องของรัฐธรรมนูญก็เป็นเรื่องของรัฐสภา
การถกเถียงกันเป็นเรื่องจำเป็นในบรรยากาศแห่งสังคมประชาธิปไตย แต่ก็เป็นเรื่องของต่างคนต่างความคิด รัฐบาลจะทำหน้าที่ในการประมวลและสอบถามหยั่งอุณหภูมิผ่านความเรียกร้องต้องการของประชาชนว่าจะดำเนินไปในแนวทางใด
เป้าหมายหลักของรัฐบาล คือ การสร้างผลงาน
1 ผลงานทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างเงื่อนไขเพื่อให้สามารถหาเงินไม่ต่ำกว่า 700,000 ล้านบาท ในการฟื้นฟู เยียวยาและสร้างอนาคตประเทศ
1 ผลงานทางสังคม คือ การเร่งในเรื่องปราบปรามยาเสพติด
ยิ่งกว่านั้น ยังดำเนินมาตรการเยียวยา สร้างความปรองดอง จากเหยื่อของความโหดร้ายในสถานการณ์เมื่อเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 และรุกคืบไปถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
เป้าหมายคือปรองดองสมานฉันท์ เพื่อเป็นเงื่อนไขในการฟื้นฟู เยียวยาและสร้างอนาคตประเทศ หลังจากเสียเวลามาเกือบ 6 ปีหลังรัฐประหารเดือนกันยายน 2549
ถึงแม้จะมีความพยายามสร้างเรื่องเพื่อแยก "ระยะ" ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ เมื่อมีการแต่งตั้ง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
แต่หากดูจากท่าที น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ขณะเดียวกัน หากดูจากการประนอมประโยชน์ด้วยการแต่งตั้ง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง
เด่นชัดยิ่งว่า รัฐบาลยังไม่ต้องการแตกหักกับกองทัพ
อย่างน้อยที่สุด รัฐบาลโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังต้องการผูกมิตรสร้างสัมพันธ์กับกองทัพต่อไป
เพราะแต่ละก้าวล้วนสะท้อนแนวทาง "แปรศัสตราป็นแพรพรรณ" ทั้งสิ้น
ในความเป็นจริง ยิ่งสายสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพแนบแน่น ชื่นมื่นมากเพียงใด ยิ่งเป็นเงื่อนไขอันดียิ่งต่อการทำงานและสร้างผลงานให้กับประชาชน
ยิ่งเดินหน้าทำงาน ยิ่งสร้างผลงานให้กับประชาชนได้ตามคำประกาศมากเพียงใด นั่นหมายถึงผนังทองแดง กำแพงเหล็ก เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับรัฐบาลให้กับพรรคเพื่อไทย
ขณะเดียวกัน ก็ตัดโอกาส ตัดเงื่อนไขของปรปักษ์ไปด้วยอย่างทรงพลัง
การพบระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ถือเป็นการเริ่มต้นนับ 1
เป็นการนับ 1 จากปัจจัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และอาศัยสายสัมพันธ์นี้ไปเสริมสายสัมพันธ์อันมีอยู่กับกองทัพให้แข็งแกร่ง มั่นคง มากยิ่งขึ้น
จังหวะก้าวนี้มีความหมาย จังหวะก้าวนี้มีประโยชน์ทางการเมือง